วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2561

โรงเรียนสุไหงโก-ลก

30 มิถุนายน 2561 โรงเรียนสุไหงโก-ลกมีกำหนดจัดงานทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อร่วมสมทบทุนสร้างหอพระพุทธรูปประจำโรงเรียนสุไหงโก-ลก

ด้วยโรงเรียนสุไหงโก-ลก ได้รับเลือกจากสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ เป็นโรงเรียนวิถีพุทธและเป็นโรงเรียนแกนนำในการจัดทำกิจกรรมวันสำคัญต่างๆทางพุทธศาสนา กอปรกับทางโรงเรียนได้รับมอบพระพุทธรูป หน้าตักกว้าง 1.40 เมตร สูง 1.85 เมตร จากพระโสภณคุณาธาร รองเจ้าคณะจังหวัดนราธิวาส เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้กับนักเรียนและบุคลากรที่นับถือศาสนาพุทธ ทั้งเป็นแหล่งเรียนรู้ทางพระพุทธศาสนาให้กับนักเรียนในโรงเรียน ทางโรงเรียนจึงมีแนวคิดดำเนินการจัดสร้างหอพระพุทธรูปประจำโรงเรียนขึ้น
*
*
เครดิต ภาพข่าว https://www.facebook.com/BanromyenMed/posts/2095086930779427

วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2561

วันนี้ที่รอคอย ครูบาชุ๋ม ญาณสฺงวโร มีเมตตาจะเดิน


วันนี้ที่รอคอย ครูบาชุ๋ม ญาณสฺงวโร มีเมตตาจะเดิน
ทางมา ถ้ำหลวงนางนอน เพื่อช่วยเหลือ13ชีวิต ให้ได้ออกจากถ้ำ สาธุ สาธุ สาธุ ครับ.

 ครูบาชุ่มกำลังเดินทางไปถ้ำหลวงขุนนางนอน องค์นี้เคยเข้ากัมมัฏฐาน 3 ปี 3 เดือน 3 วัน

พระครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร วัดพระธาตุดอนเรือง เมืองพง รัฐฉาน ประเทศเมียนมา เกจิดังเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวพุทธหลายประเทศ ท่านเคยปฏิบัติธรรมเข้ากัมมัฏฐาน 3 ปี 3 เดือน 3 วัน ตั้งแต่ 18 เม.ย.ปี53 อธิษฐานไม่เปล่งวาจาไม่พบบุคคลใด ๆ http://winne.ws/n24310 

นที่ 29  มิ.ย.2561   ตามที่พระครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร แห่งวัดพระธาตุดอนเรือง เมืองพง รัฐฉาน ประเทศเมียนมา เกจิดังซึ่ง เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวพุทธหลายประเทศ ทั้งไทย ลาว พม่า จีน และภูฏาน ซึ่งเคยจำพรรษาในถ้ำเป็นเวลานานชนิดปิดวาจา ได้เดินทางกลับจากประเทศลาวแล้ว และกำลังเดินทางไปที่ถ้ำหลวงขุนนางนอน จ.เชียงราย เพื่อส่งกระแสจิตกำลังใจไปยังผู้ช่วยโค้ชและทีมฟุตบอลเยาวชนหมูป่าอะคาเดมี่ รวม 13 ชีวิต ที่ติดอยู่ภายในถ้ำ ประกอบกับเด็ก 1 ใน 13 คน ทีมหมูป่านั้น เป็นลูกชายของลูกศิษย์พระครูบาพ่อบุญชุ่มด้วย

พระครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร แห่งวัดพระธาตุดอนเรือง เมืองพง รัฐฉาน ประเทศเมียนมา 

ทั้งนี้พระครูบาบุญชุ่มเคยปฏิบัติธรรมเข้ากัมมัฏฐาน 3 ปี 3 เดือน 3 วัน ตั้งแต่ 18 เม.ย.2553 อธิษฐานไม่เปล่งวาจา, ไม่พบบุคคลใดๆ ที่ถ้ำราชคฤห์ อ.งาว จ.ลำปาง หลังจากนั้นช่วงเข้าพรรษาจะจำพรรษาในถ้ำลักษณะปิดวาจาเป็นประจำ ทั้งนี้เพราะการเข้ากัมมัฏฐานสิ่งสำคัญยิ่งที่การปิดวาจา

https://www.winnews.tv/news/24310

วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2561

วันพระใหญ่ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8


วันพระใหญ่ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 วันพุธที่ 27 มิถุนายน 2561
วันนี้วันพระใหญ่ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 พึงทำบุญ อุทิศบุญ แด่ผู้ล่วงลับ



วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ณ มหาธรรมกายเจดีย์พระพุทธเจ้าล้านพระองค์


#พลังแห่งศรัทธาของชาวพุทธ
ช่องสารคดีระดับโลก National Geograghic ได้เผยแผ่คลิปวิดิโอ พลังแห่งศรัทธาของชาวพุทธ ณ  มหาธรรมกายเจดีย์พระพุทธเจ้าล้านพระองค์ #วัดพระธรรมกาย ภาพหนึ่งภาพแทนคำพูดได้นับล้าน #พระพุทธศาสนาจะยืดหยัดได้อย่างมั่นคงถ้าชาวพุทธทุกคนทำหน้าที่ของตนได้อย่างสมบูรณ์
*
*

วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2561

เรื่อง ไม่อยากทำบุญกับพระ วัดนอก-วัดใน-วัดใจ

เรื่อง ไม่อยากทำบุญกับพระ 
วัดนอก-วัดใน-วัดใจ
-------------------

มีโยมบอกอาตมาว่า

" ไม่รู้จะทำบุญวัดไหนดี เดี๋ยวนี้มีแต่วัดไม่ดีทั้งนั้น ไม่ว่าวัดบ้าน วัดป่า วัดจีน วัดญวน ผมเคยไปบวช ไปสัมผัสมาแล้วทุกที่ จะเป็นวัดหลวงปู่ดังๆ หรือวัดเล็กๆ ก็ตามเถอะ ผมบอกตรงๆ ผมพวกปัญญาจริต ผมไม่ศรัทธาหรอก พวกโล้นห่มเหลือง เดี๋ยวนี้ผมใส่บาตรพ่อแม่ครับ ไม่ทำบุญกับพระหรอก เปลืองข้าวสุกข้าวสารปล่าวๆ "

อาตมาได้ฟังแล้วจึงตอบเขาไปว่า

- สำหรับคนมีปัญญาชั้นตรี ก็จะเห็นว่า วัดดีก็มี วัดแย่ก็มี เราก็เลือกเอา

- สำหรับคนมีปัญญาชั้นโท ก็จะเห็นว่า "วัด" น่ะดีทุกวัด แต่ "ผู้มาบวช" ไม่ดีก็มี ที่ดีก็มี ต้องพิจารณาเฉพาะเป็นรายๆไป จะให้บวชมาแล้ว หมดกิเลส เป็นพระอริยะทุกรูปทันทีทันใด อันนั้นก็เพ้อเจ้อ

- สำหรับคนมีปัญญาชั้นเอก ก็จะเห็นว่า วัดก็ดี พระก็ดี สำคัญที่ตัวเราเองดีหรือยัง ความดีขั้นสูงกว่าที่เราทำได้ในตอนนี้ยังมีอีกหรือไม่ ถ้ามีก็ต้องขวนขวายในคุณธรรมนั้น จะพระ จะวัด จะใครก็ตาม ก็จะกลายเป็นครูของเราหมด สอนให้เราเรียนรู้ และเพิ่มพูนสติปัญญาเราตลอดเวลา พิจารณาได้ธรรมะตลอดสายเรื่อยไป

- สำหรับพวกคนโง่ที่สุด...ก็จะเห็นแบบโยมนี่แหละ " ไม่ดีทั้งหมด!" เพราะใจโยมแบกความเศร้าหมองมืดดำไว้จนหนักอึ้ง ประเภทเราดีคนเดียว คนอื่นเลวหมด เห็นแต่โทษเขา โทษเราไม่เห็น น่าสงสารเหลือเกิน เขาเลว เขาก็ไปแล้ว แต่ใจเรายังแบกความเลวเขาอยู่ แถมมาทุกข์กับความเลวเขาด้วย

วัดอื่นวัดไหนไม่สำคัญเท่า "วัดใจ" นะโยม แล้ววัดใจของโยมล่ะ เป็นอย่างไร วัดสะอาดดีไหม พระล่ะ เป็นพระที่ประพฤติดีไหม

หยั่งสติค้นเข้ามาข้างใน "วัดใจ" พระในใจของโยมน่ะ ท่านปฏิบัติอย่างไร เที่ยวเพ่นพ่านอันธพาล ไปเกะกะระรานใครเขาบ้าง ไปตั้งแง่หาเรื่องใครเขาบ้าง ได้ทำตนเป็นพญาช้างชูงวงด้วยความหยิ่งจองหอง ไปทั่วหรือปล่าว

วัดอื่น...วัดนอก
วัดใจ...วัดใน

ถ้าวัดในเสื่อม ต่อให้ไปวัดนอกที่ประเสริฐแค่ไหน มันก็เป็นทัพพีห่อนรู้รสแกง

มอง...ก็มองอย่างตากิเลส ฟัง...ก็ฟังอย่างหูกิเลส เพราะใจมันถูกครอบงำแล้วด้วยอคติ พอขาดสติ มันก็ปรุงแต่ง จับผิด ตั้งแง่หาเรื่อง วุ่นวายไป

"วัดนอก" น่ะเป็นสิ่งที่น้อมนำมาสู่ "วัดใน"

วัดนอกเป็นเครื่องมือทำความสะอาดวัดใน เป็นเรือนพักให้วัดใน เป็นความปิติสุข และเป็นสติ เป็นปัญญาให้แก่พระวัดใน

เมื่อ "วัดใน" ผ่องใส มีพระปฏิบัติงามๆ พำนักอยู่ประจำแล้ว อาจไม่ต้องมาวัดนอกก็ได้

ถ้าหาพระดีๆไม่พบ ไม่รู้จะไปทำบุญวัดไหน ก็จงมีสติเดี๋ยวนี้ ทำความรู้อยู่ในปัจจุบัน ทำกำลังใจประหนึ่งว่ากำลังเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าตลอดเวลาดีที่สุด พระพุทธองค์ท่านประทับอยู่ที่ "วัดใจ" ของโยมนั่นแหละ มีพระอยู่ประจำวัดด้วยนะ ไม่เชื่อถามท่านเจ้าอาวาสวัดใจดูก็ได้ เวลาเราคิดไม่ดี พูดไม่ดี ทำไม่ดี เจ้าอาวาสวัดใจท่านก็จะเตือน เวลาเราทำดีเจ้าอาวาสวัดใจท่านก็ชม เคยสังเกตุไหม

ธรรมชาติสามัญสำนึกไงล่ะ...เจ้าอาวาสวัดใจ !

ธรรมชาติของใจนี้อัศจรรย์มาก ถ้าฝึกสติดีๆ จะไม่อยากทำบาปใดๆเลย มันจะปรากฏโทษความเศร้าหมองขึ้นมาทันที แม้เรื่องเล็กๆน้อยๆก็ตาม

ที่เราดีใจเวลาทำบาปสำเร็จ เช่น โกงเงินเขามาได้ ขโมยของเขามาได้ ตกปลาได้ หรือสะใจเวลาศัตรูตกทุกข์ อันนั้นมันอารมณ์กิเลสชั่ววูบ พอมันได้สติ มันจะละอายชั่ว เร่าร้อนเป็นไฟเผา หวาดระเเวงกลัวภัย หรือนึกสงสารเมตตาผู้อื่นขึ้นมา ธรรมชาติของใจที่แสดงออกเหล่านี้ โยมเคยพินิจพิเคราะห์ไหม

ประเด็นเรื่องไม่ใส่บาตรพระสงฆ์ ทำบุญกับพ่อแม่ดีกว่า ไม่ขอทำบุญกับวัดวาพระสงฆ์รูปใด อาตมาก็ขออนุโมทนาด้วยครึ่งหนึ่ง

เพราะอะไรจึงครึ่งเดียว ?

เพราะว่าคุณธรรมของบิดามารดานั้นมาก บิดามารดาท่านให้ชีวิตร่างกายขันธ์ ๕ เรามา สอนเรา เลี้ยงดูให้เราสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ มีความเจริญรุ่งเรืองในทางโลก แต่ช่วยให้เราดับทุกข์ถึงพระนิพพานไม่ได้

สมบัติทางโลกให้ได้แค่ความสบายภายนอกจนตายเน่าเข้าโลงเท่านั้น แต่ไม่สามารถเอาชนะความแก่ชรา ความเจ็บป่วย ความตาย ความพลัดพรากจากของรักของเจริญใจทั้งปวงได้ จะรวย จะเก่ง จะมีชื่อเสียงเกียรติยศอย่างไรก็หนีความทุกข์ไม่พ้น

คนรวยๆอาจจะมีทุกข์มากกว่าคนจนๆด้วยซ้ำ

ถ้าประสงค์ความสุขอันจริงแท้ต้องศึกษาวิชชาพระพุทธเจ้า ซึ่งการศึกษาวิชชาพ้นทุกข์นี้ต้องพึ่งพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ครบองค์พระรัตนตรัย

จะเลือกคบเฉพาะพระพุทธเจ้า และพระธรรมเท่านั้น ตัดขาดพระสงฆ์ ไม่คบพระสงฆ์...ไม่ได้ !

เพราะพระสงฆ์ที่ดี ท่านเป็นธรรมทายาทของพระพุทธเจ้า เป็นครูบาอาจารย์ เป็นพี่เลี้ยง และเป็นกัลยาณมิตรให้เราเข้าถึงธรรม

หลักของพระพุทธศาสนาคือความไม่ยึดมั่นถือมั่น ละอัตตาตัวตน สู่อนัตตา และทะลุสุญญตา มีพระนิพพานเป็นที่สุด

คำว่าปล่อยวาง ไม่ใช่ว่าปล่อยทิ้ง จนไม่ทำอะไร นอนขี้เกียจ ท่านสอนให้ขยัน อดทน ทำความเพียร เจริญสติมากๆ คนเรียนธรรมะจริงสังเกตุง่าย ยิ่งขยัน ยิ่งเข้มแข็ง ยิ่งอดทน ยิ่งอ่อนน้อม

เห็นใจโยมนะ อาจมีประสบการณ์ไม่ดีกับพระมาหลายเรื่องราว ขอให้มีสติในปัจจุบันว่า

เรื่องเศร้าหมองทั้งหมดนั้น...มันดับไปแล้ว !

ไม่มีประโยชน์จะไปยึดถือแบกความสกปรกเหล่านั้น

เวลาภาวนาให้ตั้งสติอยู่กับปัจจุบัน ไม่ต้องมีอดีต ไม่ต้องมีอนาคต อย่าเป็นคนมีอนาคต เราต้องพร้อมตายเสมอ บางทีอนาคตที่เราวาดฝันไว้ เราอาจตายก่อนมันจะมาถึงก็ได้

ตัดทุกอย่าง กำหนดสติอยู่กับปัจจุบันอย่างเดียว ยิ่งมีคำบริกรรม พุทโธๆๆๆๆ กำกับไว้เป็นหลักของสติด้วยยิ่งดี สติจะได้ต่อเนื่อง ไม่หลงอารมณ์ ไม่ส่งออกนอก จิตจะมีความตั้งมั่นได้ง่าย แรกๆก็ล้มลุกคลุกคลาน ถลอกปอกเปิก ต่อไปก็จะมีความชำนาญในการเข้าออกความสงบเอง

ยิ่งโยมบอกว่าเป็นพวกปัญญาจริต ถ้าจิตตั้งมั่นแล้ว มีสมาธิทรงตัว ต้องพิจารณาความตายมากๆ เวลาหมดไป อายุขัยหมดไปตลอดเวลา ระวังนะ ตายลงตรงนี้ไม่รู้สุคติคืออะไร กรรมฐาน ๔๐ กอง ประมวลมาเรื่องเกิดแก่เจ็บตาย เกิด-ดับ เกิด-ดับ ซ้ำกันอยู่ตรงนี้ อนิจจังทั้งนั้น

โลกหวังนิจจัง ธรรมว่าอนิจจัง
โลกหวังสุข ธรรมว่าทุกข์
โลกหวังให้เป็นดังใจเรา ธรรมว่าเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่มีอะไรเป็นของเราแท้

สายทางเดินมา "หยุด" ตรงใจกลางพระธรรมจักรพอดี อริยสัจจ์ ๔ จะเเสดงตัวทำลายอวิชชา ยุติวัฏจักร เมื่อนั้นจะเปิดเผยธรรมชาติที่อยู่เหนือความเกิดตาย อยู่เหนือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

พิจารณามากๆ โยมจะพบความสุขที่จริงแท้ ความดีงามที่ไม่เกี่ยวข้องผูกมัดกับอะไร ไม่มีภาระ ไม่มีกังวล ไร้สิ่งใดต้องแบกหาม เป็นอิสระจากโซ่ล่ามคอ ตรวนล่ามขา กะลาครอบจิต

แล้วโยมจะพบพระพุทธเจ้าแท้ พระธรรมแท้ พระสงฆ์แท้ๆ จะสำนึกถึงพระคุณอันสุดประมาณของท่าน ณ วัดใจของโยม!

ใจเย็นๆ ตัดประเด็นคนชั่วๆ ออกไปก่อนนะ

บางกรณี พระที่เรานึกตำหนิ เราไม่ชอบใจ พระท่านอาจจะทดสอบจิตเราอยู่ก็ได้ พระดีๆแกล้งบ้าเพราะเบื่อโยมบ๊องๆ มึนๆ ก็มีเยอะ

เรื่องคนไม่ดี คนเลวน่ะมันมีเป็นธรรมดา แล้วเราจะเสียเวลาไปแบกความแย่ของเขาให้จิตใจเราเศร้าหมองทำไม ตลบกลับเป็นด้านปัญญาดีกว่า ไม่ขาดทุน

ถ้าแย่จริงๆก็ต้องช่วยกันปกป้องพระพุทธศาสนา แต่ทั้งนี้ต้องไม่ใช่เพียงฟังตามกันมาแล้วสรุปเอาเองอย่างอคติ ว่าคนนั้นเลว คนนี้ชั่ว ต้องพิจารณาเหตุผลอย่างถี่ถ้วน คนเรามักถูกอารมณ์ชักนำไปก่อนสติ

การปกป้องพระพุทธศาสนามีหลายวิธี และวิธีที่ดีที่สุดก็คือ "การละชั่วของตัวเราเอง"

โยมสมัยนี้มุ่งแต่ "ทำบุญ" จนลืม "ละบาป" ทั้งที่ความจริงเพียงเราละบาปได้ มันก็เป็นความดีขึ้นมาแล้ว

ไม่ต้องเชื่ออาตมานะ อย่ายึดอาตมา เดี๋ยววันหนึ่งเกิดมีอะไรที่อาตมาทำไม่ถูกใจโยมเข้า โยมจะปรุงแต่งตกเป็นทาสอารมณ์เศร้าหมองอีกเหมือนเดิม

ให้ปฏิบัติให้เกิดผลประจักษ์ใจตนเอง โยมจะได้เป็นพยานให้พระรัตนตรัย เป็นพยานธรรมะของพระพุทธเจ้า แล้วจะรักพระสงฆ์ด้วยความจริงใจ จะเห็นความเสียสละ อดทนของพระดีๆท่าน จะรู้สึกสงสารท่าน ชื่นชมท่าน อนุโมทนากับท่าน เเละเป็นกำลังใจให้ท่านชำระกิเลสต่อไป

ฝึกวางอารมณ์ให้เป็น
ฝึกสติปัญญาให้รู้เท่าทัน

ถูกก็เป็นธรรม 
ผิดก็เป็นธรรม 
เหนือถูกเหนือผิดก็เป็นธรรม

อย่าไปเหมารวมว่าวัดไม่ดี พระไม่ดี วัดดีๆ ก็มีเยอะ พระดีๆ ก็มีมาก เลือกเนื้อนาบุญเอาตามวาสนานิสัย

สำคัญที่สุดก็ "วัดใน-วัดใจ" ของเรานี่เเหละ

กลับไปชำระ "วัดใจ" ของโยมให้สะอาดดีงามนะ ฝากกราบเรียน "ท่านเจ้าอาวาสวัดใจ" ของโยมด้วยว่า อาตมาเป็นกำลังใจให้ ขอถวายบุญกุศลที่อาตมากระทำไว้ดีแล้วให้ท่านได้ประโยชน์ด้วยเต็มที่ ขอให้ท่านตั้งใจบำเพ็ญต่อไปมากๆ

เดินไป เดินไป ไม่หยุด เดี๋ยวก็ถึงจุดหมาย

วันหนึ่งท่านจะเป็น "พุทธะ" ที่เบิกบาน

แล้วอย่าลืมมาช่วยดึงอาตมาไปพระนิพพานด้วยนะ ...อาตมาเองนี่ก็กิเลสเต็มขั้นเหมือนกัน...

พุทโธ พุทโธ พุทโธ

โอวาทก่อนฉันจังหัน
พระอาจารย์คม อภิวโร 
วัดป่าธรรมคีรี
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=146864479513190&id=100025689154114

วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ลา ลูแบร์ จดหมายเหตุ ราชอาณาจักรสยาม

ถวายเงินแก่พระ เป็นความผิดเสียหายร้ายแรงจริงหรือ?
.......
เรื่องนี้คงต้องคุยยาวนิดนึง
บอกก่อนเลยว่า ถ้าเหตุปัจจัยพร้อม นั่นคือระบบและสังคมมีความพร้อม
พระไม่ต้องใช้เงินก็ได้
อธิบายว่า มีผู้รับผิดชอบดูแลเรื่องปัจจัยสี่ ของพระสงฆ์ ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง นั่นคือเรื่องของจีวร อาหาร ที่อยู่อาศัย การรักษาพยาบาล (จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานเภสัช)

มีผู้รับผิดชอบดูแลเสนาสนะ เขตพุทธาวาส สังฆาวาส ของทุกวัด
โดยไม่ต้องให้พระท่านต้องหาเงินมาบูรณะปฏิสังขรณ์ด้วยตนเอง

มีงบประมาณจ่ายค่าสาธารณูปโภค มีค่าน้ำค่าไฟเป็นต้น โดยไม่ต้องให้พระต้องหาเงินมาจ่ายเอง

การเดินทาง มีระบบสวัสดิการดูแลให้พระสามารถเดินทางได้โดยไม่ต้องใช้เงิน ถ้ามีคนบอกว่าพระไม่ควรเดินทางไปไหนเลย คนพูดควรไปตายซะ

พระบวชมาแล้วต้องศึกษาเล่าเรียน
ต้องมีตำรับตำรา อุปกรณ์การเรียน
ช่วยดูแลให้เรียบร้อยด้วยนะ

ที่กล่าวมาแต่ละข้อข้างต้นนั้นต้องใช้เงินทั้งนั้นแหละ ไม่มีของฟรีหรอกนะ

นั่นแค่ยกตัวอย่างแบบหยาบๆคร่าวๆ ไม่ลงรายละเอียดในเรื่องที่จะต้องมีการใช้จ่ายในวัดในวา ซึ่งจริงๆแล้วต้องเข้าไปบวชศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเอง
จึงจะรู้ข้อเท็จจริง

ที่พูดว่า ไม่ต้องถวายเงินพระ รวมถึงถวายใบปวารณาแล้วให้ไวยาวัจกรถือเงินไว้ด้วยนะ อย่างนั้นก็ยังผิดพระวินัยอยู่ดี เพราะยินดีในเงินทองที่เขาเก็บไว้ให้
ตามวินัยข้อนี้ว่า
โย ปน ภิกฺขุ ชาตรูปรชตํ อุคฺคณฺเหยฺย วา อุคฺคณฺหาเปยฺย วา อุปนิกฺขิตฺตํ วา สาทิเยยฺย นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ
แปลว่า.
อนึ่ง ภิกษุใด รับเองก็ดี ให้ผู้อื่นรับก็ดี
ยินดีในเงินทองที่เขาเก็บไว้ให้ก็ดี
เป็นนิสัคคียปาจิตตีย์
วินัยหมวดนี้ ต้องสละเสียก่อนจึงแสดงอาบัติตก คือ สละของนั้นก่อนแล้วจึงปลงอาบัติหลุด. การปลงอาบัติปาจิตตีย์ใช้วิธีเทศนาบัติ. คือแสดงอาบัติแก่ภิกษุอีกรูปหนึ่ง เป็นลหุกาบัติ
คืออาบัติอย่างเบา
ส่วนอาบัติสังฆาทิเลส กับอาบัติปาราชิก เป็นครุกาบัติ คืออาบัติหนัก
อาบัติสังฆาทิเสสเป็นอาบัติหนักชนิดแก้ไขได้ คือต้องอยู่กรรมจึงพ้น
ส่วนอาบัติปาราชิก เป็นอาบัติหนักชนิดแก้ไขไม่ได้ ต้องแล้วขาดจากความเป็นพระทันที

ที่ชอบส่งข้อความต่อๆกันไปว่า
ถวายเงินแก่พระแล้วเป็นอาบัติร้ายแรง
ไม่ทราบว่า พิจารณาจากวินัยข้อไหน
ดูท่าว่าคนพูดคงจะเก่งเคร่งกว่าพระพุทธองค์เสียอีก พระองค์ปรับเป็นอาบัติปาจิตตีย์ เป็นอาบัติชนิดเบาอย่างที่กล่าวแล้ว
มิหนำซ้ำยังกล่าวอ้างว่าเป็นคำที่เจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราชเป็นผู้ตรัสบอกเสียอีก
พระองค์ท่านรู้พระธรรมวินัยดีกว่าเราๆท่านๆขนาดไหน
ท่านจะตรัสในสิ่งที่ไม่ตรงตามพระวินัยได้อย่างไร ขอบัณฑิตชนพึงพิจารณาเถิด

ได้พูดถึงความพร้อมของระบบในการดูแลวัดและพระสงฆ์ให้เห็นแล้วว่าถ้ามีระบบสวัสดิการดูแลให้เรียบร้อย พระก็ไม่จำเป็นต้องมีเงินเลยก็ได้
แต่....
ยังมีเรื่องของสังคมว่าพร้อมหรือไม่
สังคมก็คือ ประชาชนชาวพุทธทุกคนทุกระดับทุกหนทุกแห่งตั้งแต่พ่อค้าประชาชน สามัญชนคนเดินดิน จนกระทั่งถึงเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ซึ่งต้องบำเพ็ญบุญกิริยาวัตถุ๓ ประการคือ
ทาน ศีล ภาวนา
การห้ามไม่ให้ถวายเงินแก่พระก็ต้องห้ามให้หมดทุกระดับชั้น ตั้งแต่สามัญชนจนถึงเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน

คนที่ต่อต้านหรือปลุกระดมเรื่องนี้ได้เคยรู้บ้างหรือไม่
ว่าการทำบุญทำทานแล้วถวายเงินแก่พระสงฆ์นั้นมีทุกระดับชั้นตั้งแต่สามัญชนจนถึงพระเจ้าแผ่นดิน และไม่ได้เพิ่งจะเกิดมีในปัจจุบันนี้หรอก
ปรากฎตามหลักฐานเอกสารทางราชสำนักมากมายที่ระบุไว้ว่าได้นิมนต์พระราชาคณะมาในพระราชวังเพื่อบำเพ็ญพระราชกุศลแล้วได้ถวายเงินเป็นจำนวนเท่านั้นเท่านี้ พร้อมด้วยเครื่องไทยธรรม อันเป็นการแสดงออกถึงพระราชศรัทธาของพระองค์
นอกจากนี้ยังได้ถวายนิตยภัตแก่พระสงฆ์เถระที่เป็นพระสังฆาธิการตลอดมา

แต่เพื่อจะย้ำให้เห็นว่า การทำบุญสุนทานด้วยการถวายจตุปัจจัยไทยธรรมแก่พระสงฆ์นั้น มีมานานนักหนาแล้ว
มีหลักฐานที่ปรากฏในจดหมายเหตุของลาลูแบร์ ที่เดินทางมากรุงสยามในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ได้บันทึกเล่าเรื่องราววิถีชีวิตของสยามในยุคนั้นอย่างละเอียด โดยเฉพาะเรื่องวัดวาอารามกับพระสงฆ์ ในหน้า ๓๔๖ ข้อ๑๕
เรื่อง อาชีพอย่างนี้ก็มีกำไรดี. โดยวิจารณ์การเทศน์ของพระว่า ...ครั้นแล้วก็ถวายไทยทานแก่พระธรรมกถึกผู้เทศน์และพระนักเทศน์นั้นถ้าได้เทศน์บ่อยๆ มิชั่วแต่เพียงในย่านระยะนี้ แต่ได้เทศน์ไปตลอดทั้งปีแล้ว ก็กลายเป็นคนร่ำรวยไปได้อย่างสบายทีเดียว

และในหน้า ๓๕๒ ข้อ ๒๘ เรื่อง บ่าวพระภิกษุที่เป็นคฤหัสถ์ บอกว่า
...มีตาปะขาวนี้เป็นผู้รับเงินที่มีผู้บริจาคถวายเป็นปัจจัยแก่พระสงฆ์ ด้วยพระภิกษุจับต้องเงินทองเข้าแล้วจะต้องอาบัติ

จากหลักฐานนี้แสดงให้เห็นว่า
การถวายเงินแก่พระนั้น บรรพบุรุษของเราทำกันมานานนักหนาแล้ว
แม้สมัยอยุธยาก็มีทำบุญกันอยู่เป็นปกติ

ถ้านับถอยหลังไปก็คงทำกันมาร่วมพันปีแล้ว. พระศาสนาก็เจริญรุ่งเรืองมาได้จนถึงทุกวันนี้ เพื่อให้พวกที่ไม่เคยทำบุญทำทาน มีความเห็นแก่ตัวจัด ปลุกระดมความคิด อันถือว่าเป็นการตำหนิติเตียนบรรพบุรุษของตนไปด้วยในตัวว่าทำไม่ถูกต้อง

คนทำบุญไม่เคยด่าพระ
ในทางกลับกัน
คนด่าพระก็ไม่เคยทำบุญเช่นเดียวกัน

เขาไม่รู้หรือว่า วัดวาอารามที่ญาติโยมช่วยกันบริจาคทรัพย์ถวายพระมานั้น
กลายเป็นสมบัติอันมีค่าของแผ่นดิน

ถามว่านักท่องเที่ยวมาเที่ยวเมืองไทย
เขาไปดูอะไรที่ไหนกัน
เขาก็ไปดูศิลปะที่มีอยู่ตามวัดวาอารามต่างๆนั่นเอง
เป็นเครื่องแสดงถึงความมีอารยธรรมของไทย
แล้วใครสร้างวัดล่ะ ก็พระสงฆ์ได้รับการบริจาคทำบุญจากญาติโยมก็นำมาสร้างวัดนี่ละ

ประโยชน์ของวัดนั้นพรรณนาไม่หมดหรอก รู้อยู่แก่ใจกันดีอยู่แล้ว

ที่วัดได้ประสบผลกระทบจากกระแสปลุกระดมเหมือนกันนะ
ที่วัดมีเจ้าภาพมาเลี้ยงเพลทุกวัน
บางครั้งก็นิมนต์สวดมนต์ด้วย
ครั้งหนึ่งมีเจ้าภาพนิมนต์สวดมนต์
มีเครื่องไทยธรรมพร้อม แต่ไม่ถวายซอง ทั้งๆที่เมื่อก่อนก็ถวายตามปกติ
สอบถามได้ความว่า เห็นเขาแชร์ต่อกันว่า ถวายเงินแก่พระเป็นบาป เขาเลยไม่ถวาย. 555

ถ้าญาติโยมจะทำกันแบบนี้
ก็อยากจะถามว่า เวลาจ่ายค่ารถ หรือค่าของ ค่าน้ำค่าไฟ. พระสามารถเอาของไทยธรรมมีสบู่ยาสีฟันเป็นต้น ไปจ่ายค่ารถ ค่าน้ำค่าไฟ โดยบอกว่าของเหล่านี้มีมูลค่าเท่านี้แทนเงิน เขาจะรับหรือไม่
555

ความจริงเขามีคำเรียกเงินที่ถวายพระว่า
จตุปัจจัย. แปลว่า ปัจจัยสี่
ซึ่งหมายถึง เงินนี้เป็นของใช้แทนปัจจัยทั้งสี่ เมื่อจีวรไม่มีก็นำเงินนี้ไปซื้อจีวร เมื่อขาดเรื่องอาหาร ค่าน้ำค่าไฟ ค่ารถค่ารา เจ็บไข้ได้ป่วย ก็ใช้เงินนี้แหละมาบริหารจัดการปัจจัยทั้งสี่ เพื่อให้ชีวิตดำรงอยู่ได้
พระหนุ่มเณรน้อยไปสวดมนต์ฉันเพล
โยมถวายร้อยสองร้อย ต้องโจมตีกันแรงขนาดนี้ด้วยเหรอ

พระผู้ใหญ่มีความรับผิดชอบมากกว่า
โยมก็ใส่ซองให้มากกว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะท่านต้องนำไปบริหารจัดการงานมากกว่าพระผู้น้อย

ส่วนที่โจมตีว่าพระสะสมเงินไว้เยอะ
ก็คงมีอยู่บ้าง. แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่ท่านนำมาใช้ในการพัฒนาวัดและช่วยสังคมมากกว่า การโจมตีแบบเหมาเข่งนั้นเป็นวจีทุจริต เป็นบาปเปล่าๆ

สรุปว่า ที่พระพุทธองค์ทรงสอนให้รู้จักให้ทานนั้นเพื่อกำจัดความตระหนี่ ความโลภ และความเห็นแก่ตัว
เมื่อจะให้ก็ให้ในเนื้อนาบุญคือพระสงฆ์
ถ้าเข้าใจเจตนาในการสอนของพระพุทธเจ้าก็จะไม่มีความคิดแคบๆอย่างนี้เกิดขึ้นในสังคมไทย

แล้วก็ขอแถมอีกประเด็นหนึ่ง
พวกที่อยากจะปฏิรูปปฏิวัติวงการคณะสงฆ์ให้สะอาดหมดจด
ขอบอกว่า เพ้อเจ้อมาก

ไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาบ้างเลยหรือ
แม้ในสมัยพุทธกาลที่พระพุทธเจ้าทรงมีพระชนม์อยู่ คณะสงฆ์ก็ไม่เรียบร้อย
มีพระเทวทัตคอยก่อความวุ่นวาย
มีพระฉัพพัคคีย์ และรูปอื่นอีก ก่อปัญหาในสมัยนั้น
แล้วสมัยนี้ไม่ได้มีพระพุทธองค์อยู่แล้ว
จะให้ดีวิเศษกว่าสมัยพุทธกาล จะไม่ว่าเพ้อเจ้อได้ยังงัย 555

จบดีกว่า
หวังว่าบทความนี้คงช่วยปรับทัศนคติของสังคมที่อาจจะมีอคติกับพระสงฆ์ในทางใดทางหนึ่งได้บ้างไม่มากก็น้อย

เห็นด้วยกดไลค์ เห็นว่าใช่กดแชร์
ไม่เห็นด้วยก็เม้นต์มา ถกเถียงกันได้เสมอ

ป.ธาดา
๗ มิ.ย.๖๑
https://www.facebook.com/pariyat.thada/posts/181997582637455









วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2561

วันพระวันบุญใหญ่

วันนี้วันพระแรม14เดือน7












วันนี้วันพระ ตักบาตรปล่อยโค ปล่อยนก ปล่อยปลา สวดธัมจักรและร่วมบุญถวายทุเรียนจำนวน 30 ลูกถวายภัตตาหารพระที่อาคารพุทธบุตรและอาคารภาวนา ให้ได้บุญด้วยกันค่ะ

วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ปล่อยโคสัตว์เอาบุญมาฝากคะ


เอาบุญถวายภัตราหารเพล และปล่อยโค 19 ตัว เนื่องในวันเกิดหลวงพี่วิเช ณ สวนสุมงคล





“การเกิดขึ้นแห่งท่านผู้รู้ เป็นการยาก

  กิจฺโฉ พุทฺธานมุปฺปาโท. [กิด-โฉ, พุด-ทา-นะ-มุบ-ปา-โท] “การเกิดขึ้นแห่งท่านผู้รู้ เป็นการยาก” (ขุ.ธ. ๒๕/๓๙)     คำว่า ผู้รู้ ในที่นี้หมายถึ...